ขณะที่ปฏิบัติการโต้กลับทางภาคตะวันออก และ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ประสบกับความชะงักชันและมีความคืบหน้าช้ากว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ สงครามก็อาจกำลังเข้าสู่ "เฟสใหม่" จากการโจมตีทางอากาศด้วย "โดรน" ระหว่างสองฝ่าย จนขอบเขตของสงครามไม่ได้อยู่แค่ในสมรภูมิที่หน้าแนวรบอีกต่อไปอีก พื้นที่ที่คาดว่ากำลังจะกลายเป็นอีกจุดปะทะสำคัญในสงครามครั้งนี้คือทะเลดำ
เปิดภาพ "เรือไร้คนขับ" ของยูเครนพยายามโจมตีเรือกองทัพรัสเซีย
ยูเครน อ้างใช้โดรนทะเล โจมตีเรือรบรัสเซียเสียหายหนัก
การโจมตีครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางคืนตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองโอเดสซา เมืองท่าส่งออกสำคัญทางตอนใต้ที่ใหญ่ที่สุดของยูเครน ซึ่งมีที่ตั้งติดกับบริเวณทะเลดำ
เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมือง โดยมีพนักงานดับเพลิงพยายามฉีดน้ำดับไฟเพื่อควบคุมเพลิงอย่างเต็มกำลังนอกจากอาคารแห่งนี้แล้ว อาคารอีกแห่งที่มีรายงานว่าได้รับความเสียหายจากการโจมตีครั้งนี้คืออาคารหอพัก
โอเลฮ์ คีเปอร์ ผู้ว่าการแคว้นโอเดสซาเผยว่าสาเหตุที่ไฟลุกไหม้เช่นนี้ไม่ใช่เพราะขีปนาวุธโจมตีเข้าเป้า แต่เป็นเพราะลูกหลงจากเศษชิ้นส่วนขีปนาวุธที่ตกลงมาโดนอาคารต่างๆ อีกทั้งแรงระเบิดยังส่งผลให้กระจกหน้าต่างอาคารแตกกระจาย มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 3 คนและไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
รายงานจากหน่วยบัญชาการทหารใต้ของกองทัพยูเครนระบุว่า อาวุธที่รัสเซียใช้ในการโจมตีครั้งนี้คือโดรนและขีปนาวุธคาลิเบอร์ที่ยิงมาจากฐานยิงขีปนาวุธทางทะเล กองทัพอากาศยูเครนระบุว่าสามารถสกัดและทำลายโดรนและขีปนาวุธที่ร่อนเข้ามาในแผ่นดินยูเครนได้ทั้งหมดในระลอกนี้ โดยทำลายโดรนได้ทั้งหมด 15 ลำ ส่วนขีปนาวุธคาลิเบอร์สามารถทำลายไปได้ทั้งหมด 8 ลูก ส่วนที่เมืองใกล้เคียงอย่างมิโคลายิฟก็ตกเป็นเป้าหมายเช่นกันและมีเสียงไซเรนเตือนภัยดังทั่วเมืองตลอดคืน
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โอเดสซาตกเป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซีย เพราะเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัสเซียก็เคยใช้ขีปนาวุธยิงถล่มท่าเรือ โครงสร้างพื้นฐานและคลังเก็บธัญพืชที่โอเดสซาจนได้รับความเสียหายหนักมาแล้ว และนี่ไม่ใช่พื้นที่เดียวในบริเวณทะเลดำที่กลายเป็นจุดที่ความตึงเครียดเริ่มไต่ระดับ เพราะเมื่อวันคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าเรือรบของรัสเซียยิงขู่เรือขนส่งสินค้าที่แล่นผ่านบริเวณทะเลดำ
ภาพของเรือขนส่งสินค้าที่มีชื่อว่า “สุครา โอกัน” ซึ่งติดธงของประเทศปาเลา กำลังแล่นผ่านบริเวณช่องแคบบอสฟอรัสบริเวณเขตแดนตุรกี เข้าสู่ทะเลดำและกำลังมุ่งหน้าต่อไปทางทิศเหนืออย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังแล่นอยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลดำ มีรายงานว่าเรือรบ “วาซิลี บีคอฟ” เรือรบสัญชาติรัสเซียได้ยิงปืนอัตโนมัติขู่ตักเตือนไปที่เรือขนส่งสินค้าลำดังกล่าว
ทางการรัสเซียอ้างว่า เรือขนส่งสินค้ากำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรืออิซมาอิล ท่าเรือบริเวณแม่น้ำดานูบของยูเครนและมีอาณาเขตใกล้ชายแดนของโรมาเนีย ซึ่งล่าสุดคลังเก็บธัญพืชและท่าเรือที่นั่นเพิ่งถูกรัสเซียโจมตีด้วยโดรนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
ทางการรัสเซียยังอ้างด้วยว่า กัปตันเรือสุครา โอกันเพิกเฉยต่อคำร้องตรวจเรือของรัสเซีย จึงต้องมีการยิงตักเตือนเพื่อให้เรือยอมหยุดตรวจ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับการขนส่งจาก Refinitiv หน่วยงานที่ให้ข้อมูลด้านตลาดและการเงินสัญชาติอังกฤษระบุว่า ที่จริงแล้วขณะนี้เรือลำดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าสู่ท่าเรือซูลินาของโรมาเนีย ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของตุรกี นี่เป็นครั้งแรกที่รัสเซียโจมตีเรือขนส่งของพลเรือนที่แล่นผ่านทะเลดำ ทั้งนี้หลังเหตุการณ์เรือรบรัสเซียยิงขู่เรือที่แล่นผ่านทะเลดำ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนหลายคนก็ได้ออกมากล่าวประณามการกระทำของรัสเซีย
หนึ่งในนั้นคือ มิคาโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน เขาได้ออกมาระบุผ่านบัญชี X หรือทวิตเตอร์ว่า การจงใจโจมตีเรือขนส่งสินค้า ซึ่งจัดว่าเป็นเรือพลเรือนและบีบบังคับตรวจเรือของรัสเซียในครั้งนี้ เป็นการละเมิดกฎหมายทางทะเลอย่างชัดเจน เป็นการกระทำเยี่ยงโจรสลัดและเป็นอาชญากรรมต่อเรือบรรทุกของพลเรือนของประเทศที่สามที่แล่นผ่านน่านน้ำประเทศอื่น
นอกจากที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนแล้ว อีกคนที่ออกมาประณามผ่านแถลงการณ์คือ ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศยูเครน โดยระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า การกระทำของรัสเซียละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล อีกทั้งยังบั่นทอนเสรีภาพในการเดินเรือและความปลอดภัยของเรือพาณิชย์ที่แล่นผ่านอาณาเขตทะเลดำ
นี่คือส่วนหนึ่งของความตึงเครียดที่เกิดขึ้นบริเวณทะเลดำ ซึ่งทวีความเข้มข้นอย่างมากตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา
ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นอกเหนือจากการโจมตีครั้งใหญ่หลายระลอกที่โอเดสซาและท่าเรือในอิซมาอิลของยูเครนอย่างที่กล่าวไปแล้ว ยังปรากฏการโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่างยูเครนและรัสเซียอยู่เป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นการที่ยูเครนส่งเรือโดรนไปโจมตีตอบโต้เรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียบริเวณท่าเรือโนโวรอสซิสก์ ท่าเรือขนส่งสินค้าของรัสเซียบริเวณทะเลดำ
อีกทั้งประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกียังออกมาประกาศเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยว่า จะตอบโต้รัสเซียในแบบเดียวกันหากรัสเซียยังคงมีปฏิบัติการทางการทหารในพื้นที่ทะเลดำ
สาเหตุที่ช่วงเดือนที่ผ่านมาทะเลดำกลายเป็นจุดปะทะอีกแห่งหนึ่งไปแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัสเซียตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงว่าด้วยการขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ ซึ่งหมดอายุไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่างยูเครน รัสเซีย ตุรกี และองค์การสหประชาชาติ มีจุดประสงค์เพื่อเปิดเส้นทางให้เรือขนส่งสินค้าสามารถเดินเรือผ่านเข้าออกทะเลดำได้อย่างปลอดภัย โดยที่ผ่านมานี่คือเส้นทางหลักที่ยูเครนใช้เพื่อส่งออกธัญพืชไปสู่ตลาดโลก แต่หลังจากรัสเซียตัดสินใจไม่ต่ออายุข้อตกลง รัสเซียได้ออกมาประกาศห้ามเดินเรือและจะถือว่าเรือใดที่แล่นผ่านทะเลดำเป็นเรือบรรทุกอาวุธหรือเป็นเรือที่ใช้ในทางการทหาร นั่นทำให้ทะเลดำและพื้นที่บริเวณรอบๆ กลายเป็นจุดปะทะสำคัญในช่วงที่ผ่านมา
แต่ทะเลดำคือบริเวณที่มีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ก่อนสงครามจะปะทุขึ้น จึงไม่แปลกที่บริเวณนี้จะกลายเป็นจุดปะทะสำคัญอีกครั้งนอกเหนือจากจะเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญออกไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว ทะเลดำยังมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางการทหารอีกด้วย เพราะอะไรทะเลดำจึงมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางการทหาร
ทะเลดำมีพื้นที่ประมาณ 436,400 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย ยูเครน รัสเซีย จอร์เจีย และตุรกี ทะเลดำตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเอเชียกับยุโรป เป็นจุดที่เชื่อมเอเชียให้เข้ากับทะเลอีเจียนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของยุโรป โดยผ่านช่องแคบบอสฟอรัสและดาร์ดาแนลส์ของประเทศตุรกี พื้นที่ทะเลดำเป็นที่ตั้งของท่าเรือกว่า 30 แห่ง เป็นทางผ่านที่สำคัญของเรือสินค้าเพราะเป็นทะเลน้ำอุ่นที่เรือสามารถเดินทางผ่านไปตลอดทั้งปี
ด้วยลักษณะพิเศษของทะเลดำ ชาติใดที่ครอบครองหรือมีอิทธิพลเหนือพื้นที่นี้ก็จะได้เปรียบทั้งทางด้านการค้าและการทหาร ทะเลแห่งนี้จึงเป็นที่หมายปองของแทบทุกชาติ รวมถึงรัสเซีย
การมีอำนาจในทะเลดำที่เชื่อมต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ความมั่นคงของรัสเซียมาโดยตลอดเพราะอะไรสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะนี่จะเป็นช่องทางให้รัสเซียสามารถขยายอิทธิพลไปยังยุโรป ตะวันออกกลาง และพื้นที่อื่นๆ ได้แต่อีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะทะเลดำเป็นพื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยชาติสสมาชิกนาโต
ซึ่งรัสเซียมองว่าเป็นปรปักษ์และอ้างว่าจะทำลายรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นโรมาเนีย ตุรกี บัลแกเรีย อีกทั้งยังมีชาติที่เป็นพันธมิตรทางการทหารกับนาโตรอบๆ ทะเลดำอีกอย่างอาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย มอลโดวา และยูเครน
ที่สำคัญสหรัฐฯ และนาโตมีฐานทัพใหญ่อยู่ในทะเลดำ นั่นคือฐานทัพอากาศคอนสตันตาที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของประเทศโรมาเนีย ซึ่งเป็นสมาชิกนาโต ที่ฐานทัพแห่งนี้ทางสหรัฐฯ และนาโตได้ติดตั้งอุปกรณ์ต่อต้านขีปนาวุธและขีปนาวุธต่อต้านทางอากาศขนาดใหญ่ไว้ รัสเซียมองว่านี่คือภัยคุกคามความมั่นคงของตนเอง ดังนั้นรัสเซียต้องพยายามควบคุมบางส่วนของทะเลดำเพื่อสร้างดุลอำนาจและป้องปรามการโจมตีจากสหรัฐฯ และนาโต
และนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้รัสเซียตัดสินใจเข้าผนวกไครเมียของยูเครน ซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลดำมาเป็นของตนเองเมื่อปี 2014
การได้ไครเมียทำให้รัสเซียมีฐานที่มั่นในทะเลดำรวมถึงมีท่าเรือน้ำอุ่นเป็นของตนเองหลังจากก่อนหน้านี้หากต้องการเดินเรือไปยุโรป รัสเซียต้องอาศัยทางออกบริเวณที่เรียกว่าอาร์กติกเซอร์เคิลซึ่งเป็นทะเลน้ำแข็งยากต่อการเดินเรือ การผนวกไครเมียของรัสเซียถูกประณามจากประชาคมโลก และมีผลทำให้บริเวณคาบสมุทรไครเมียและทะเลดำร้อนระอุขึ้นมานับตั้งแต่นั้น และร้อนระอุมากขึ้นหลังจากยูเครนประกาศว่าจะเอาไครเมียคืนจากรัสเซียให้ได้
และเมื่อรัสเซียตัดสินใจรุกรานยูเครนในปี 2022 บริเวณทะเลดำก็กลายเป็นพื้นที่ปะทะสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการปิดเส้นทางเดินเรือในทะเลดำของรัสเซียในช่วงแรกของสงครามหรือเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องบินรบของรัสเซีย 2 ลำได้ทำลายโดรนสอดแนมของสหรัฐฯ จนเสียหายและต้องนำลงมาจากน่านฟ้า ขณะที่วันนี้อีกจุดที่เกิดการโจมตีคือที่แคว้นเคอร์ซอน
ล่าสุดช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้แถลงประจำวันว่ามีการโจมตีด้วยขีปนาวุธหลายครั้งในแคว้นเคอร์ซอนทางภาคใต้ของยูเครน
การโจมตีในแคว้นเคอร์ซอนนับรวมได้ทั้งหมด 17 ครั้ง โดยขีปนาวุธโจมตีโดนหมู่บ้านจำนวนหนึ่งที่เป็นที่อยู่อาศัยของพลเรือนคำพูดจาก สล็อต888
ผู้นำยูเครนระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 7 ราย ในจำนวนนั้นมีเด็กทารกอายุราว 3 สัปดาห์เสียชีวิตด้วยนอกจากนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกียังกล่าวอีกด้วยว่า ยูเครนจะไม่ปล่อยให้การโจมตีเช่นนี้ผ่านไปโดยที่ไม่มีการตอบโต้อย่างแน่นอน